เสม็ด
ใครเที่ยวทะเลไม่ดำ ไม่มีอ่ะ
ทะเลก็มีชีวิต ทะเลก็มีหัวใจ ไปเที่ยวทะเลกันมั้ย
มาค่ะเราไปเที่ยวทะเลกัน
ตามแผนคือ
วันแรก
11.00 – 11.45 นัดเจอกันที่ ท่าเรือ ชื่อว่า “ศรีบ้านเพ” ทานอาหารที่ร้านชื่อว่า ศรีบ้านเพ ซีฟู๊ด
11.45 – 12.30 ขึ้นเรือ ออกเดินทางไปเกาะ (เรือธรรมดา 100 บาท/คน ลงที่ท่าเรือหน้าด่าน, เรือSpeedBoat 1,200 บาท/ลำ ลงที่หาดทรายแก้ว หน้ารีสอร์ท)
12.30 – 13.00 ถึงเกาะ เช็คอิน เก็บข้าวของ
13.00 – 17.00 เล่นน้ำทะเลที่บริเวณหาดทรายแก้ว ถ่ายรูป ทำกิจกรรมทางน้ำ
17.00 – 18.00 แต่งตัว
18.00 เป็นต้นไป ทานอาหารเย็น นั่งชิลล์ๆ ที่ร้าน พลอยทะเล
นั้นคือแผนค่ะ มาดูความจริงกันดีกว่า
กว่าจะเจอกันปาไป เที่ยงแล้วค่ะ
แถมไม่ได้ไปที่ท่าเรือ “ศรีบ้านเพ” สะด้วย เพราะอะไร
ก็เต็มไง คนไปเที่ยวเยอะมากกกกกกกกก จนมีคนชี้ให้ไปจอดที่ท่าเรือเทศบาล
จอดค้างคืน ตกอยู่ที่คืนละ 60 บาท
พวกเราค้างกัน 2 คืน จ้างไป 120 บาท แล้วเค้าจะให้ตั๋วมาสองใบ
เค้าแจ้งมาว่าเก็บให้ดีดีนะ เหมือนกับว่าตอนขากลับต้องใช้
จากนั้นเราก็ไปถามราคาสปีดโบ๊ท ราคาตกอยู่ที่คนละ 400 ไปกลับ
ไปได้ทุกครึ่งชั่วโมง ซึ่งตามแผนเราต้องไปกินอาหารที่ร้าน “ศรีบ้านเพ ซีฟู๊ด”
แต่เราก็ไม่ได้ไปทานค่ะ เพราะเราย้ายท่าเรือและอีกอย่างจะมาถึงก็เที่ยงกว่าแล้ว
เลยตัดสินใจไม่ทานอาหารทะเลกันตอนนี้ ไปทานที่นู้นดีกว่า แล้วเรืออะ จะไปเลยก็ได้
แถมจอดหน้า โรงแรม เลยไปด้วยสปีดโบ๊ทนี่แหละค่ะ
ใช้เวลาไม่นานเพียง 15 นาทีก็ถึงหาดทรายแก้ว
โรงแรมที่เราพักอยู่ที่หาดนี้
คืนแรกได้ที่พัก เสม็ด แซนด์ ซี ( Samed Sand Sea Resort )
ราคาคืนละ 2000 บาท / ห้อง สภาพห้องพักไม่กว้างเท่าไหร่
ไม่ได้ถ่ายมาให้ชม ค่อนข้างเก่าด้วย
พอมาถึง เนื่องจากที่บอกไปว่าไม่ได้ทานอะไรกันก่อนมา
หลังจากเราจัดการเก็บของแล้วก็มานั่งชิวๆ กันหน้าโรงแรม
ใครที่บอกว่ามาถึงทะเลมากินส้มตำทำไม
บอกเลยค่ะว่า หน้าโรงแรม มีแม่ค้าส้มตำเยอะมาก
หิวก็ทานค่ะ จานละ 60 บาทได้ ไก่จานหนึ่งตกประมาณ 120 บาท
ทานอาหารในเกาะ ก็แพงกันแบบนี้แหละค่ะ ตามแผนถึงจะได้หาทานก่อน
แต่ก็ไม่ทันละค่ะ อร่อยเลยเหลือเกิน ทานกันเกลี้ยง
ส้มตำ ไก่ย่าง เสร็จแล้วก็ปิดด้วยน้ำมะพร้าว
แต่พวกเรานั้น ไม่ได้แบกแค่เสื้อผ้ามาเที่ยวค่ะ
เราแบกมะม่วง ประมาณ 2-3 โล มาได้
อิ่มมะม่วงไปค่ะมื้อนี้
เราใช้เวลาอยู่ที่หาดสักพักก่อนที่จะออกไปต่อกันที่ร้านอาหาร
คือก็ไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มมาอีกนอกจาก น้ำอีก 2 ขวดแก้วอีก 5 ใบ
รวมแล้วราคา 65 บาท แล้วก็ทานมะม่วงจนอิ่ม
แต่บอกแล้วว่าเอามาเยอะอิ่มก็ยังไม่หมด
คือมะม่วงต่อชีวิตพวกเราได้ดีมาก ประหยัดงบไปอีกเยอะ
จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของการถ่ายรูปเล่นแล้วจ๊ะ
ชาวต่างชาติเยอะมาก โดยเฉพาะชาวจีน ชาวเอเชีย
พอถึงเวลาประมาณ 5 โมงก็เข้าห้องพักกันค่ะ
ไปพักตากแอร์ ใครจะอาบน้ำก็อาบ
เราจะไปที่ร้านอาหารกันไม่เกิน 18.00 น. เพราะได้ข่าวมาว่า
ร้านนี้โต๊ะเต็มไวมากต้องรีบไปค่ะ
เดินเลียบหาดมาเรื่อยๆจากโรงแรมที่พัก
มาที่ร้าน “พลอยทะเลบาร์และผับ” เดินมาไม่ไกลมาก
อยู่หาดทรายแก้วเหมือนกัน
ลงมือสั่งอาหารกันดีกว่า กินอะไรกันดีน้อ
แน่นอนค่ะ พวกเราประหยัดงบ เพื่อมาจัดหนักกันมื้อเย็น
ไหนจะเบียร์ ไหนจะอาหารทะเล มาเริ่มกันเลยดีกว่า เย้ๆ
ทานของคาวเสร็จก็ตามด้วยน้ำหวานสะหน่อย อิอิ
จิบแอลกอฮอล์กันไปเลยๆ คือเค้าบอกมาว่า
จะมีโชว์ไฟคือถ้านั่งจากร้านเราจะเห็นว่า พวกที่เค้าโชว์ไฟ
ก็ไปเล่นร้านข้างๆเราก่อนมาเล่นที่พลอยทะเลเป็นที่สุดท้าย
รอจนถึงสามทุ่มกว่าได้ หนุ่มๆซิกแพค ก็มากันแล้ววววว
ตอนแรกหนุ่มๆ Fireman ของเรา จะไปโชว์หน้าเวที
พอเป็นน้ำจิ้มก่อนเบาๆค่ะ
เค้ามีพิธีกรด้วยนะ ฮาไปอีก พูดได้หลายภาษามากๆ เก่งจริงๆ
แต่ขอแอบบอกว่ากลิ่นน้ำมันก๊าซแรงไปนิด
จากนั้นก็โชว์อีกเป็นชั่วโมงเลยค่ะ
พ่อคุณเอ้ยยย ไปเอาแรงมาจากไหนนะ
แต่เห็นกล้ามก็ต้องยอม
พอหนุ่มๆ Fireman โชว์เสร็จ คราวนี้แหละ แขกในร้านไปรวมเล่นสนุกกับ Fireman ได้ด้วย
ลอดไฟเนี่ย ผ่านไปได้เค้ามีเหล้าสูตรพิเศษของทางร้านให้ชิมด้วยนะ
เพื่อนไปลอดมาบอกว่า เหล้าอร่อย !!
แต่ระดับมันก็จะต่ำลงเรื่อยๆ ระดับต่ำๆยากๆ
Fireman เก่งมากอ่ะพาผ่านคนที่อยากลอดผ่านไปได้ด้วย
ถือว่ามืออาชีพมาก
แล้วก็มีอีกหลายเกมเลย ชักกะเยอ กระโดดเชือก พวกเราก็ไปแจมกันเค้า
สนุกมากๆ เล่นกันบริเวณชายหาด
สักพักเที่ยงคืนผับของพลอยทะเลก็เปิด
เหนือยมากวันนี้ เต้นกันยับจริงๆ
หิวก็มีร้านสะดวกซื้อให้บริการนะ
แต่เซเว่นจะราคาปกติ
สรุปค่าเสียหายจากร้านพลอยทะเลไป 3800 บาทไทย
เบียร์ 1 ทาวเวอร์ อาหารอีกเกือบสิบอย่าง จำไม่ได้จริงๆ เยอะ 555
และวันนี้สุดเหวี่ยงกันเท่านี้ค่ะ
มาต่อกันที่วันที่สอง
วันที่สอง
08.30 ตื่นนอน
08.30 – 9.00 หาอาหารเช้าทานกัน ติดต่อเช่ามอร์เตอร์ไซต์
09.00 – 13.00 ขี่มอร์เตอร์ไซต์ เที่ยวรอบเกาะ แวะเที่ยวหาดพร้าว หาอะไรทานมื้อเที่ยง
(แนะนำร้านอาหารติดทะเล >>> อาปาเช่ อยู่ตรงอ่าวลุงดำ, เคียงทะเล อ่าวแสงเทียน)
13.00 – 14.30 ย้ายไปพักอีกโรงแรมนึง Sky High
14.30 – 18.30 ไปเที่ยวกระชังปลา ศูนย์วิจัยประมง / แวะเที่ยวจุดชมวิว กลับมาที่หน้าหาดทรายแก้ว
18.30 – 20.00 แต่งตัว
20.00 เป็นต้นไป ลัลลาที่ ซิลเวอร์แซนด์
เล่าก่อนเลยค่ะว่าวันนี้มันมีสิ่งที่ผิดแผนมาอีกแล้ว
นั้นคือ ฝนตก แต่เช้าเลยเราเลยติดกันอยู่ที่โรงแรม
และรับประทานอาหารกันที่โรงแรมเลย รอจนฝนตกถึงประมาณ
10 โมง เลยไป check out แล้วนั่งรอเวลา 11.30 น.
เพื่อจะเข้าพักอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณหาดทรายแก้วเหมือนกัน
แต่เนื่องจากมีสัมมนาจากบริษัทที่มาเหมา เราเลยต้องพัก 2 โรงแรม
ระหว่างที่รอ check in อีกโรงแรม ก็ได้รูปจากหน้าหาดไปนิดหน่อย
เราย้ายโรงแรมกันไปที่ Sky High รีสอร์ท
ส่วนการที่จะเช่ามอเตอร์ไซค์
บริเวณใกล้ๆ มีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วย
พูดถึงการเช่ามอเตอร์ไซค์ คุณลุงที่ให้เช่าเค้าบอกว่า
ช่วงที่เราไปมันเป็นช่วงวันหยุด คนไปเที่ยวเยอะ
ปล่อยเช่าคันละ 400 บาท วันปกติที่คนไม่เยอะ 300 บาท
แต่ถ้าคันใหญ่ คันละ 500 บาทในวันที่คนเยอะ ทั่วไปก็ 400 บาท
สรุปเราเช่าสองคันก็ 900 บาท เพราะเช่าคันใหญ่เพื่อให้นั่งกันได้ 3 คน
ด้านหน้าห้องพักก็มีที่นั่ง มีที่ล้างเท้าให้
จากนั้นเมื่อได้มอเตอร์ไซต์ก็เริ่มตระเวนไปเที่ยวอ่าวต่างๆ
เริ่มต้นที่ อ่าวพร้าว
ที่เคยมีข่าวว่าเรือขนน้ำมันล่ม ตอนนี้สะอาดขึ้นเยอะเลยค่ะ
อากาศร้อนจริงๆเฟ้ยยยยยยยยย
มาถ่ายรูปกันต่อที่อ่าวทับทิม
มาอ่าวทับทิม ก่อนแวะเล่นน้ำ ซึ่งเราจะไปเล่นน้ำกันที่อ่าวหวาย
แต่เราต้องหาอะไรทานกันก่อน
จากที่ในแผน เป็นร้านอาปาเช่ แต่ความจริงคือร้านก๋วยเตี๋ยวบนเกาะค่ะ 555
แต่ขอบอกว่าอร่อยมากกก เพื่อนๆบอกว่า อร่อยกว่าบนบก
ทานอาหารเสร็จ ก็พร้อมกระโดดลงน้ำแล้ว
และนี้คืออ่าวหวาย จุดที่เราจะลงเล่นน้ำกัน เปลี่ยนชุดพร้อมเล่นจ้า
กลับจากเล่นน้ำเราก็ไปที่จุดชุมวิวต่อ
ก่อนที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไป แดนซ์กันต่อ
ก่อนไปก็เหมือนเดิมค่ะหาอะไรรองท้องที่ร้านสะดวกซื้อ
ร้าน Silver Sand อยู่กึ่งอ่าวไผ่กับหาดทรายแก้ว
ใกล้ๆที่พักพอดี
มีเพ้นตัวด้วย เรืองแสงกันไปสิ
แล้ววันนี้เหมือนพวกคุณเจ้ เค้าจัดงานวันเกิดกัน ธีมกางเกงขาว
เต้นกันมันได้อีก
เอาจริงๆ ที่ Silver Sand เนี่ยเราเสียเงินกันไม่ค่อยมากนะ
ซื้อเหล้ามาเปิดเสียค่าเปิด 200 บาท ก็มีค่ามิกซ์กันอีก
คิดแล้วเสียกันไป 1500 บาทได้
ที่ Silver Sand ก็มี Fireman เหมือนกัน
แต่เราว่าร้านพลอยทะเล เค้าดูมืออาชีพกว่า
ขับมอเตอร์ไซต์ไปนอนก็ประมาณ ตี 1 ได้
ประมาณนี้ค่ะวันที่ 2 มาต่อกันวันสุดท้ายกันเลยดีกว่า
วันที่สาม
08.30 ตื่นนอน
08.30 – 09.30 ทานอาหารเช้า เบาๆ ถ่ายรูปเก็บตกนิดหน่อย
09.30 – 10.00 เก็บของ Check out
10.00 – 10.45 ขึ้นเรือ เดินทางกลับฝั่ง
10.45 – 11.15 เดินทางไปร้านตำนานป่า
11.15 – 14.00 ทานอาหาร เล่นสวนน้ำ
14.00 เดินทางกลับ
เมี้ยววว ตามแผนตื่น 8 โมง แต่ของจริง
ตื่นกัน 10 โมงเลยค่ะ ดีว่าคุณลุงเช่ารถให้เอาไปคืนตอนเที่ยงได้
ตื่นมาเก็บของ หาขนมทางรองท้องกัน
แล้วก็พร้อมไปรอขึ้นสปีดโบ๊ทขากลับ
แดดยังแรงเหมือนเดิมจริงๆ
เรามารอเรือกันบริเวณที่เค้าเรียกว่า
แหลมใหญ่ ตรงหาดทรายแก้วนี่แหละค่ะ
ก่อนกลับก็ได้เห็นสิ่งที่ประทับใจ
คือมีคนมาเก็บขยะด้วย
ถึงเค้าจะถูกจ้างมาให้เก็บ หรือ มาเก็บกันเอง
แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งดีดีที่ควรทำมากค่ะ
พอถึงฝั่งก็มาจัดร้านอาหาร ศรีบ้านเพ กัน
เพราะตามแผนต้องทานกันวันแรก
ในขณะที่เมาเรืออยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจค่ะ อาหารอร่อยมากจริงๆ
สุดท้าย
สรุปงบให้ ต่อคน ตกอยู่คนละ 4408 บาท
– ค่าโรงแรม คนละ 1600 บาท (8000 / 5 ห้องละ 2000 เช่า 2 ห้อง 2 คืน ราคาเท่ากันทั้งสองโรงแรม )
– ค่าเรือ 400 บาท / คน ( ไปกลับ )
– ค่าอาหาร ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ ออกเป็นกองกลางรวมกัน คนละ 2000 บาท 5 คน
– ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน 360 บาท
– ค่าที่จอดรถที่ท่าเรือ คืนละ 60 บาท 2 คืืน 2 คัน
ประมาณนี้ค่ะ
อั้มศรีตั้งแต่ไปเที่ยวมา
ขากลับเมาเรือค้างไป 5 วัน ฮาๆๆๆ
ใครจะตามไปเที่ยวก็ขอให้สนุกนะคะ
อั้มศรี
11/05/2558