หลังจากที่ blog ที่แล้วเราลงเครื่องบิน เข้าที่พัก ไปมาเก๊า ใครจำไม่ได้หรือยังไม่ได้อ่านตามไปอ่านก่อนได้นะคะที่นี่ >> ฮ่องกง มาเก๊า ครั้งแรกด้วยตัวเองของฉัน
มาต่อกันกับวันที่สามที่อั้มศรีไปเที่ยวฮ่องกงมาค่ะ วันนี้ถ้าตามแผนจะเป็นแบบนี้
9 NOV 2014
07.00 : ตื่นนอน
08.00 : เดินทางไป กระเช้า นอนปิง เดินทางโดย นั่ง MTR ลงสถานี Tung chungหาป้าย cable car หรือ ngong ping 360องศา ก็ออกไปทางออกนั้น และหาอะไรทานก่อนขึ้นกระเช้า
09.30 : ขึ้นกระเช้า
กระเช้าเปิดตั้งแต่ 09.30 น . ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที ในช่อง fast lane
*recommend
– กิน mango pancake
– ไหว้พระใหญ่
– ถ่ายรูปกับป้ายวัดโปหลิน
12.30 : ขึ้นกระเช้ากลับ (เดินทางไป Disney Land) เดินทางโดย
ขึ้น MTR สถานี Tung Chung >> ลง MTR สถานี sunny bay
ต่อสาย Disney land >> ลงสถานี Disney Land
ขึ้นบันได หันหลังให้สถานี -> เดินไปทางซ้าย -> เลี้ยวขวา
เจอซุ้มประตู Disney ลอดซุ้ม -> ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้าย -> เจอที่ขายตั๋ว
Must Do it
– Phillar’s magic
– Golden mickey
– Space mountant
*ก่อน 20.00 เตรียมจับจองที่นั่งรอชมพลุที่หน้าปราสาท
21.00 น. นั่ง MTR กลับโรงแรม
ใครอยากจะตามรอยเอาเลยนะคะ แต่ว่าพวกเรากันเองนี่สิ จะไปตามแผนของตัวเองหรือเปล่าาาาา
เริ่มกันที่
ออกจากโรงแรมของเราไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินแถวย่านนั้นค่ะ
ย่านจิมซาจุ่ย เพื่อจะไปลงสถานี Tung chung
ก่อนที่จะไปต่อ cable car นั้นเอง พอลงแล้วเราจะเห็นสถานีคล้ายๆห้าง
พวกเราก็หาอะไรกินกันที่นั้น ซึ่งไม่อยากจะบอกเลยว่า กิน Mc กันอีกแล้วแหะๆ
หลังจากนั้นเราก็จะไปรอขึ้นเคเบิ้ลคาร์เพื่อจะลุยไปไหว้พระกัน
ซึ่งการจองตั๋วครั้งนี้ เราซื้อจากเว็บไซต์ของไทยค่ะ http://www.hongkongfanclub.com/
ในที่นี้เราจองทั้งกระเช้านองปิง และ ดิสนีย์เลย ข้อดีคือ ไม่ต้องไปต่อแถว ซื้อตั๋วอีก
เป็นช่อง fast lane สามารถนำตั๋วที่เราได้มานั้น
ไปแลกแล้วไปรอขึ้นกระเช้าได้เลย คือเค้าจะส่งตั๋วนั้นให้ทางไปรษณีย์
(ตั๋วดิสนีย์ก็เช่นกัน)
คิวคนต่อแถวซื้อตั๋วยาวมาก ฉะนั้นเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องทำเวลา
สมควรอย่างมากที่ต้องซื้อล่วงหน้าไว้ แล้วกระเช้ามีสองแบบให้เลือก
คือแบบธรรมดา และแบบพื้นใสเห็นวิวทั่วๆ
ซึ่งแน่นอนค่ะ เพื่อการเที่ยวที่คุ้มค่าเราเลือก
แบบธรรมดา 555
สองแบบนี้ราคาไม่เท่ากันนะคะ
แบบธรรมดาจะราคาอยู่ที่ ไปกลับ 570 บาทไทย
แบบพื้นใสจะอยู่ที่ 830 บาทไทย
ลองเลือกดูนะคะ เอาตามใจชอบเลย ตามเว็บที่บอกไปข้างต้น
เล่าต่ออีกนิดที่จริงอ่ะใครที่แข็งแรงนะ
แนะนำเลย เดินขึ้นเลยจ๊ะ
ถ้าใครที่นั่งกระเช้าแบบใส จะเห็นเลยว่า
จะมีทางบันไดให้เดินขึ้นไปได้ เห็นแล้วขอบอกว่ามัน
ยาววววว มากๆ แถมขึ้นเขาด้วย
ใครว่างและแข็งแรง ตรงนี้ ขอแนะนำ
พอถึงแล้วค้นพบว่า มนุษย์คนไทย เยอะมากกกกก
ใช่ค่ะ เจอแต่คนไทย น่าจะเป็นทัวร์ลง
การไหว้พระ ทำบุญ คนไทยนิยมกันจริงๆ
ก่อนจะไปถึงพระใหญ่ก็ต้องเดินกันต่ออีกนิดหนึ่ง
ก่อนจะไปถึงพระใหญ่ก็ต้องเดินกันต่ออีกนิดหนึ่ง
ก่อนจะสำรวมจริงจัง นั้นแหละค่ะ ถ่ายรูปเล่นกัน
วันนี้อากาศดีด้วย ฝนไม่ตกเย็นๆกำลังดี
อย่าเพิ่งเหนื่อยนะคะ เพราะว่าถึงบริเวณนี้แล้วคุณจะเจอ “บันได” ค่ะ
คุณๆต้องเดินขึ้นบันไดกันอีกหน่อย
ระยะจากที่ลงกระเช้าจนมาถึงพระใหญ่นี้ อั้มศรีว่าถ้ามาตอนเช้าอากาศกำลังดีค่ะ
เดินได้เรื่อยๆไม่ร้อน เพราะถ้าบ่ายๆสายๆ มันจะเดินแล้วไม่ชิวกันหน่ะสิ
ถึงแล้วค่ะ
และระหว่างที่เดินขึ้นบันไดมาจะแอบเห็นว่า
มีคนคล้ายๆว่านั่งกราบ ลุก ขึ้น เดิน กราบ ทุกขั้นบันได
จนกว่าจะไปถึงบนสุด ไม่ทราบว่าคล้ายๆ แก้บนอะไรเหมือนที่บ้านเราหรือป่าว
บรรยากาศด้านบนเมื่อมาถึงแล้ว
อากาศดี๊ดีแหละ
ไหว้พระเสร็จ อีกสักครู่เราจะเดินทางกันต่อแล้ว
จำได้ว่า พอถึงบันไดเพื่อนแจมของเรา ไม่ได้ขึ้นไปด้วย
นางรออยู่ข้างล่าง
เดินลงมา
เจอนางกินไอติมอยู่ ไม่รู้ว่ารอจนร้อน หรือหิวค่ะ
นั้นแหละค่ะ หิวกันแน่ๆ ทั้งขึ้นทั้งลง
ขากลับทางเดิม เดินมาเจอภาษาไทย อุ้ย!!!
แวะอ่าน พบว่ามันคือ “ก๋วยเตี๋ยว” ย้ำ ก๋วยเตี๋ยว
คือยืนคิดกันสักพักเลย หิวป่ะ กินกันมั้ย ไปดิสนีย์ แพงนะ กินเลยเหอะ
จัดเลยค่ะ ทานกันที่นี้แหละ ใครไปแวะไปทานได้นะคะ
ที่จริงเจ้าของร้านน่าจะเป็นคนฮ่องกงที่พูดไทยได้ พูดชัดด้วย อาหารก็มีให้เลือกพอสมควร
ลูกชิ้น อะไรก็มี ของหวานเต้าฮวยงาดำ ซื้อมา แบ่งกันชิม รู้ตัวอีกที เอ๊า !!
ไม่ได้ถ่ายรูปเลยแหะๆ
และนี่คือสภาพก๋วยเตี๋ยวที่รอดชีวิต มาได้ค่ะ
ถ้าถามว่าอร่อยมั้ย แหะๆ ไปชิมดูกันเนาะ
พร้อมมมมม…
นั่งกระเช้าขากลับจ๊ะ ทั้งกระเช้านั่งกันแค่พวกเรา
โพส สิจ๊ะ รออะไร
เห้ยๆ ดูเค้าเดินกันสิ ไว้ไปเดินกันมั้ย อิอิ
เมื่อสักครู่ทานก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ทานน้ำกัน
นี่เลยดีกว่า โคล่า เลม่อน อร่อยแน่นอน
พร้อมไปต่อกันที่ดิสนีย์หรือยังจ๊ะ
ตอนนี้กลับมาที่เดิมแล้วนะที่เรามาทาน MC
ที่ลงจากสถานีรถไฟ และ เราก็จะมาต่อรถไฟตรงนี้แหละค่ะ
เพื่อไปดิสนีย์แลนด์ ฮูเล่
เดินตามป้ายไปเลยจ้าาา
ตามมาๆ ไปขึ้นรถไฟกัน ฮี่ๆ
น่ารักจังเลยยย
ตรงนั้นก็มิกกี้ ตรงนี้ก็มิกกี้
ถึงแล้ว ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์
อ่อ ! อย่าทำตั๋ว หายนะ มาถึงแล้ว
ไม่งั้นได้ซื้อใหม่นะจ๊ะ อิอิ
เอาละมาถึงกันขนาดนี้แล้วเราเชื่อว่า
ทุกคนคงรู้มาว่า หรือ คิดว่าเครื่องเล่นส่วนใหญ่มัน
“ไม่ค่อยหวาดเสียว”
แนะนำๆ อันหนึ่ง คือจะบอกว่าพวกเราอ่ะก็ไม่ได้เล่นกันครบหรือเยอะหรอก
ถึงมันไม่กว้างใหญ่มากเท่าดิสนีย์ที่ญี่ปุ่นแต่เวลาเพียงครึ่งวันมันก็น้อยไป
และเครื่องเล่นที่เราได้ไปเล่น และจะแนะนำนั้นก็คือ
“Space Mountain“
เค้าจะแบ่งโซนเครื่องเล่นด้วยนะ จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าอยู่โซนไหน
แต่ก่อนเข้าไปมีแผนที่ภาษาไทยด้วย หยิบไปอ่านได้เลยค่ะ
ส่วนไฮไลท์ของงานที่ไม่ควรพลาดนั้นก็คือ
ขบวนพาเหรด เจ้าหญิง เจ้าชาย ตัวการ์ตูน ต่างๆในดิสนีย์
ซึ่งจะมีสองช่วงนะ อันนี้เป็นช่วงเช้า แล้วมีอีกช่วงคือก่อนจะปิดสวนสนุก
ช่วงนั้นจะแสงสี สวยกว่า เพราะว่าจัดแสดงในตอนกลางคืน
แวะดูของฝาก มีของน่ารักๆเยอะแยะไปหมดเลย
เห็นแล้วได้อยากได้ทุกอย่าง 555
แต่ว่าเกรงใจเงินในกระเป๋า สุดท้ายก็ได้ปากกาน่ารักๆมาสะสมเป็นของที่ระลึกไว้
อันนี้คือแบบที่อั้มศรีซื้อมา น่ารักจนไม่กล้าใช้เลย
เดินเล่น เล่นเครื่องเล่นกัน สักพักก็หิวอีกแล้ว
ก็หาอะไรทานในดิสนีย์ ซึ่งอาหารในนี้ ค่อนข้างขึ้นชื่อว่า “แพง”
อั้มศรีเลยได้ข้าวโพดมาฝักหนึ่งราคาประมาณ 40 บาทไทย
ใหญ่อยู่นะ แต่ว่าก็แอบแพงจริงๆ
จุดนี้คือจุดที่เรามารอดูขบวนพาเหรดช่วงกลางคืน
คือนั่งจองกันเลยค่ะ ขบวนยังไม่มาง่ายๆหรอก
แต่อยากอยู่ติดขอบ ผลัดกันนั่งจอง ผลัดกันไปซื้อของ
และแล้วขบวนพาเหรดแสนสวยงามก็มา
คือมันจะสวยกว่าตอนกลางวันคือ จะมีการเล่นไฟ
แสง สี ก็จะมากกว่า
แต่ที่จะเล่าคือ เราอยากรอดูพลุมากค่ะ
เพราะเราคาดหวังว่าจะมีพลุตอน avenue of star มาก
แต่มันไม่มี ซึ่งหลังจบพาเหรด เราก็รอดูแต่ๆๆๆ
มันไม่มีหลังขบวนทันทีเลยนะแบบรอนานมาก เลยออกมาก่อน
พอไปถามเค้าบอกว่า จะมีประมาณ จำไม่ได้ว่า 2 ทุ่มครึ่งรึป่าว แต่เราออกมาแล้ว
ก็เอาเป็นว่า พลาดพลุไปอีก -.-
ขากลับคราวนี้เราได้นั่งแล้ว
ข้างๆก็มีรูปปั้นการ์ตูนเรื่องต่างๆในดิสนีย์น่ารัก
น่ารักทั้งขบวนแล้วชอบบบ
สิ่งต่อมาที่ต้องทำนั้นแหละค่ะ นั้นคือการทานอาหารเย็น
และอาหารเย็นนี้ก็ไม่มีในแผนของเราสะด้วย
ลองย้อนกลับไปอ่านดูสิ
แต่ถ้าทริปนี้คุณตามอ่านแล้วคาดหวังการรีวิว ร้านอาหารอร่อย
อั้มศรีบอกเลยค่ะว่า เสียใจด้วย
เพราะอาหารมื้อเย็นของเรานั้นคือ pizza hut
คือเรามั่นใจว่ากินได้แน่ อย่างน้อยรสชาติต้องทานได้
เพราะ เรางบน้อยกันอ่ะอาหารทั่วๆไปของเค้า
จานหนึ่งก็ตกถ้วยละ 200 บาทไทยแล้ว ถ้วยประมาณก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา
แถมรสชาติก็ไม่ถูกปากแบบคนไทยเราเท่าไหร่ นั้นแหละค่ะ เลยเลือกทานพิซซ่าแทน
เข้านอนละคะวันนี้ไม่ได้ซื้อของอะไรกันทานอาหารเย็นเสร็จก็รีบเข้านอนกันเลย
มาต่อกันที่วันสุดท้ายก่อนกลับเลยละกัน
10 NOV 2014
วันนี้เน้นฟรีสไตส์ จะทำอะไรก็ทำ คือ จะไปช้อปปิ้ง ซื้อของฝากอะไรกันก็เอาเลยจ๊ะย่านนั้น
อ่อ เล่าต่ออีกสักนิดพวกเรา check out กันแล้วนะ
แน่นอน จะถามใช่มั้ยว่าเราเอากระเป๋าไว้ไหน
ย่านจิมซาจุ่ยมีห้างที่รับฝากกระเป๋าค่ะ
สะดวก สบาย แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่า
ไปเช้าๆหน่อยจะดีมาก เพราะ อะไรละ
ก็มันเป็นเหมือนล็อคเกอร์มีจำนวนจำกัดอยู่ ช่องก็ไม่ได้ใหญ่มาก
ใครที่มีกระเป๋าใบใหญ่ เสียใจด้วยนะจ๊ะ คุณต้องเทของคุณออกแล้วใส่ในล็อคเกอร์
ส่วนกระเป๋า ก็ลากไปใส่ของที่ช้อปมาใหม่ไง จะยากอะไรละ
ส่วนชื่อห้าง ต้องขอโทษด้วย เราเดินหา ยังหลงอยู่เลย ฮือ
ถ้าหาใน google คือชื่อมันไม่ตรงอ่ะ
แนะนำว่าถาม information ในห้างต่างๆเลยว่า
รับฝากกระเป๋าเปล่า ถ้าห้างนี้ไม่มีเค้าจะแนะนำชื่อห้างที่มีให้เองค่ะ
ตอนนี้เรามาหน้าบริเวณที่เราดู avenue of star
อยู่บริเวณ Museum of art
ก็จะมีศิลปะ รูปปั้นต่างๆ หอนาฬิกา ให้เราได้ถ่ายรูปกัน
ด้านหน้าก็เป็นทะเลที่จะทำให้เห็นอีกฝั่งของฮ่องกง
ตอนเที่ยงเราก็มาหาอะไรทานห้างแถวนั้น
แล้วก็นั้นแหละค่ะ เราก็ทานอาหาร ง่ายๆ มั่นใจว่าอร่อยเหมือนเดิม
นั้นคือ KFC ซึ่งเค้าจะมีถุงมือให้เรามาทานไก่
และมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ติดจิ้มซอส ฮ่องกงไม่มีนะจ๊ะ
แต่มันก็มีเมนูที่บ้านเราไม่มีนะ
มันเหมือนซุปเห็ด รสชาติก็คล้ายมันบด บวกเห็ดไป
อันนี้อร่อยๆ
ก่อนไปสนามบินก็แวะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้
เค้าไม่จำกัดเวลา
แล้วเราก็ขึ้นรถบัสฟรี เพื่อไปต่อรถไฟไปที่สนามบิน
ย้อนรอยตอนขามาเลยค่ะ
อ่อ ใครที่ซื้อของฝากจากดิสนีย์แลนด์ไม่จุใจ ที่สนามบิน มีช้อปเล็กๆของดิสนีย์ให้ช้อปต่อด้วยนะคะ
เพียงเท่านี้แหละค่ะสำหรับทริปฮ่องกงสั้นๆของพวกเรา
ใครอยากตามไปเที่ยวลองดูได้นะคะ
แล้วครั้งหน้าจะทริปทั้งเที่ยวในเมืองไทย และต่างประเทศมาให้เสพกันอีก
บางคนอาจบ่นว่ายาวไป แต่เราว่าสำหรับคนที่จะไปจริงๆ
เราว่า ศึกษาไว้ เก็บรายละเอียดไว้ก็ดีนะ
ไว้เจอกันใหม่ค่ะ
อั้มศรี
6/5/2015